วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อย่าทำร้ายงานวิจัยเชิงปริมาณ


อย่าทำร้ายงานวิจัยเชิงปริมาณ         

คุณเคยคิดบ้างไหมว่า งานวิจัยทางสังคมศาสตร์หรือพฤติกรรมศาสตร์อาจขาดความน่าเชื่อถือ เพราะนักวิจัยขาดความรับผิดชอบในกระบวนการทำวิจัย คือ ขาดความรอบคอบ ในการออกแบบการวิจัยซึ่งเป็น

ส่วนประกอบสำคัญที่จะให้ตอบคำถามวิจัยได้อย่างมีข้อโต้แย้งน้อยสุด                                                  

จะออกแบบการวิจัยอย่างไร  เพื่อหลีกเลี่ยงอิทธิพลของตัวแปรภายนอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ตัวอย่างเช่น  คำถามของการวิจัยว่า การเรียนการสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา  จะมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหรือไม่   ในโจทย์วิจัยนี้มีตัวแปร 2 ตัว คือ ตัวแปรอธิบาย ได้แก่ การเรียนการสอนตามแนวปฏิรูป  และตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน  ในกรณีนี้ไม่ว่านักวิจัยจะทำการวิจัยเชิงทดลองหรืองานวิจัยเชิงสัมพันธ์จะมีตัวแปรมากมาย  ได้แก่  เพศ  อายุ  IQ  ความถนัด  เจตคติ ที่เป็นลักษณะของกลุ่มตัวอย่าง หรือประเภทของครู ลักษณะของโรงเรียนซึ่งเป็นตัวแปรเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของกลุ่มตัวอย่าง ที่เรียกว่าตัวแปรภายนอก ซึ่งหมายถึงตัวแปรที่มิใช่ตัวแปรที่จะอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามแต่อาจส่งผลต่อตัวแปรตาม ถ้างานวิจัยทั้งหลายปล่อยให้ตัวแปรภายนอกเหล่านี้เป็นอิสระ  การทดสอบทางสถิติ  และผลของการวิจัยอาจเป็นเพียงภาพลวงของปรากฏการณ์จริง

ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงทดลองนักวิจัยควบคุมตัวแปรภายนอกโดยการเลือกกลุ่มที่มีความแตกต่างกันในตัวแปร  เพศ  อายุ  หรือ เลือกเฉพาะกลุ่มที่มีลักษณะเพียงด้านเดียว  หรืออาจควบคุมโดยใช้เทคนิคของการประมาณค่า เช่น การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม  ตัวแปรที่เหลือก็ใช้การสุ่มเข้ากลุ่มเป็นการขจัดอิทธิพลของการเป็นตัวแปรที่ไม่ได้ควบคุม มิให้ปนเปื้อนหรือแทรกซ้อนกับตัวแปรอธิบาย ดังนั้นการสุ่มเข้ากลุ่มจึงเป็นเทคนิคของการควบคุมตัวแปรภายนอกแบบหนึ่ง

ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงความสัมพันธ์  นักวิจัยจะต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวแปรภายนอกเหล่านี้ให้มากที่สุด  หรือเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน  แล้วใช้เทคนิคของการประมาณค่าเพื่อขจัดอิทธิพลของตัวแปรภายนอก ตัวแปรที่เหลือปล่อยให้เป็นความคลาดเคลื่อนแบบสุ่ม ซึ่งผู้วิจัยไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการปนเปื้อนของตัวแปรภายนอกกับตัวแปรอธิบายได้เลยถ้าขาดการใส่ใจกับการสุ่มตัวอย่าง

ข้อสรุปจากการทดสอบทางสถิติของงานวิจัยที่ต้องการอธิบายปรากฏการณ์ แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมตัวแปรภายนอกที่สำคัญ  เป็นข้อสรุปที่ขาดความน่าเชื่อถือ  ลองคิดดูว่า  ถ้ามีผู้ทำวิจัยเชิงสัมพันธ์ที่ต้องการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างการจัดการเรียนการสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการเก็บข้อมูลจากนักเรียนกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง  และนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ  เพื่อเปรียบเทียบว่านักเรียนทั้งสองกลุ่มมีประสบการณ์เรียนรู้จากกระบวนการเรียนการสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษาแตกต่างกันหรือไม่ ถ้าพบว่านักเรียนกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง  มีประสบการณ์การเรียนตามแนวปฏิรูปการศึกษาสูงกว่า  นักเรียนกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ   ข้อสรุปนี้       นำไปสู่การอธิบายอะไร?  อธิบายว่า  ถ้าจะต้องการให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง  น่าจะจัดการเรียนการสอนตามแนวปฏิรูป  การวิจัยนี้ขาดความน่าเชื่อถือเพราะนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงอาจมี ความสามารถในการเรียน หรือ  ทัศนคติต่อการสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา ที่แตกต่างไปจากนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ แต่ผู้วิจัยไม่ควบคุม  และตัวแปรเหล่านี้เองที่อาจเป็นตัวแปรปนเปื้อนอยู่ในคำอธิบายผลจากการวิจัยครั้งนี้   ลองคิดดูซิว่ามีผลงานวิจัยจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ทำการวิจัยแบบนี้ งานวิจัยในลักษณะดังกล่าวนี้มีข้อสรุปที่ขาดความน่าเชื่อถือ

ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงทดลองที่มีการสุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลอง  ร่วมกับการควบคุมตัวแปรภายนอกบางตัวที่มีผลต่อตัวแปรตาม  จะทำให้การอธิบายผลที่ได้จากการวิจัยมีความน่าเชื่อถือสูง  แต่มีงานวิจัยน้อยเรื่องที่สามารถทำการสุ่มเข้ากลุ่มได้อย่างแท้จริง เช่นงานวิจัยทางการศึกษาที่ต้องทำวิจัยกับนักเรียนทั้งห้อง  ดังนั้น ผลจากการวิจัยเชิงทดลองที่ไม่กล่าวถึงตัวแปรภายนอกที่ถูกควบคุมอาจขาดความน่าเชื่อถือ

ในการวิจัยเชิงทดลอง   กลุ่มควบคุม มิได้หมายถึง  กลุ่มที่ไม่ได้รับกิจกรรมที่กลุ่มทดลองได้รับเท่านั้น แต่หมายถึง กลุ่มที่ทำให้ผู้วิจัยประมาณค่าของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมในกลุ่มทดลองได้อย่าง

ถูกต้องน่าเชื่อเมื่อได้ควบคุมปัจจัยภายนอกอื่นๆแล้ว

ข้อแนะนำสำหรับนักวิจัยเชิงปริมาณที่ต้องการข้อสรุปจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือคือ ขณะที่ออกแบบการวิจัยให้แบ่งตัวแปรออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรอธิบาย หมายถึงตัวแปรที่เราต้องการศึกษาว่าจะสามารถอธิบายตัวแปรตามได้หรือไม่ อย่างไร ตัวแปรอื่นจัดเป็นตัวแปรภายนอกทั้งหมด ซึ่งมี 3 ประเภทต่อไปนี้ 2)  ตัวแปรภายนอกที่ควบคุม หมายถึง ตัวแปรที่มีผลต่อตัวแปรตามที่ผู้วิจัยนำมาร่วมศึกษาด้วยในงานวิจัย หรือทำการควบคุมไว้โดยการเลือกให้คงที่ 3) ตัวแปรภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่อาจปะปนอยู่กับตัวแปรอิสระหรือตัวแปรอธิบายในข้อแรก และ 4) ตัวแปรภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ จัดให้เป็นตัวแปรความคลาดเคลื่อนแบบสุ่ม

ในการออกแบบการวิจัยเชิงทดลองและการวิจัยเชิงความสัมพันธ์ผู้วิจัยพยายามทำให้ ตัวแปรภายนอกทั้งหมดให้เป็นตัวแปรในกลุ่มที่ 2 หรือตัวแปรภายนอกที่ควบคุมให้ได้มากที่สุด การวิจัยเชิงทดลองมีเครื่องมือในการควบคุมตัวแปรที่ได้เปรียบการวิจัยเชิงความสัมพันธ์ นั่นคือการสุ่มเข้ากลุ่มที่จะทำให้ตัวแปรในกลุ่มที่ 3 เป็นตัวแปรในกลุ่มที่ 2 ทั้งหมด ดังนั้นในการวิจัยเชิงทดลองที่ดีจึงไม่น่าจะมีตัวแปรในกลุ่มที่ 3 แต่การวิจัยเชิงสัมพันธ์ทำได้ยากกว่า แต่อาจใช้เทคนิคของการจับคู่ หรือเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเข้าช่วย  นักวิจัยที่มีความรับผิดชอบต้องไม่ปล่อยให้ตัวแปรภายนอกที่ไม่ได้ควบคุมเป็นอุปสรรคต่อความน่าเชื่อถือของงานวิจัยของคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น