การพัฒนาทักษะของนักวิจัยในมหาวิทยาลัย(2)
ผู้สอนระเบียบวิธีวิจัยในมหาวิทยาลัยยังคงสอนแบบเน้นความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนของการวิจัย
และให้ทดลองเขียนเค้าโครงการวิจัยตามความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้นำความรู้ในขั้นตอนต่าง ๆ
มาประสานกันได้อย่างกลมกลืน
รูปแบบการเรียนการสอนแบบนี้เกิดขึ้นและยังคงอยู่มานานแล้ว
การนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบอื่นๆมาใช้เป็นบ้าง จะทำให้เกิดทางเลือกในการพัฒนาการเรียนการสอนมากขึ้น
ผู้รู้และนักวิจัยอาชีพหลายคนมีความเห็นว่า เราควรเปลี่ยนวิธีการสอนที่เน้นความรู้ มาเป็นการเน้นการสร้างทักษะนักวิจัยให้มากขึ้น กิจกรรมที่มีผู้ใช้มากคือ
การให้ผู้เรียนทำโครงการวิจัยร่วมกัน
การใช้ข้อมูลจากแบบสอบถามของโครงการวิจัยใหญ่
ๆ
ที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจหลักการหรือแนวคิดทางจิตวิทยาหรือสังคมวิทยา
รวมทั้งตั้งคำถามการวิจัย การฝึกเป็นที่ปรึกษา
ฝึกให้คำปรึกษาหรือเป็นพี่เลี้ยงกับโครงการวิจัย
การนำเสนอผลการวิจัยในงานสัมมนาและเป็นผู้จัดงานซิมโปเซียม
ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการฝึกทักษะนักวิจัยทั้งสิ้น
สิ่งสำคัญในการออกแบบการเรียนการสอนในหนึ่งเทอม
ให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะ คือ 1) ต้องระบุขอบเขตของความสามารถสำคัญในสาขาวิชาชีพว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
เช่น นักวิจัยทางการศึกษา
ต้องมีทักษะของการวิจัยด้านการวิจัยเชิงปฏิบัติการสูง ในขณะที่นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ต้องมีทักษะกระบวนการวิจัยเชิงทดลองในห้องปฏิบัติการสูง เป็นต้น 2) ต้องกำหนดบริบทของงานวิจัยที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่กล่าวถึงในข้อ
1 และบริบทต้องพอเพียงต่อการพัฒนาทักษะอย่างครบถ้วนภายใต้เวลาอันจำกัด 3)
ต้องเชื่อมต่อระหว่างสิ่งที่เป็นประสบการณ์ในการเรียนการสอนกับสิ่งที่อยู่ในหนังสืออย่างต่อเนื่อง 4)
ต้องวางแผนให้ผู้เรียนเกิดความประทับใจและภาคภูมิใจในผลงาน เมื่อทำงานเสร็จ และ 5)
ให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวิจัยไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มตัวอย่างหรือผู้ใช้งานวิจัย
ตัวอย่างที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นผลของการทดลองสอนจริงที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผู้สอนแบ่งเนื้อหาของวิชาวิธีการวิจัยออกเป็น 5
ด้าน ประกอบด้วย 1) งานวิจัยด้านสังคมศาสตร์เบื้องต้น 2) การออกแบบการวิจัยและการวัดตัวแปร 3) การรวบรวมข้อมูล 4) การวิเคราะห์ข้อมูล และ 5)
การตีความและการนำเสนอข้อมูล การเรียนการสอนในแต่ละด้านกินเวลาประมาณ
3 – 4 อาทิตย์
แต่ละครั้งจะมีการมอบหมายงานโดยที่งานแต่ละชิ้นจะนำไปสู่งานชิ้นต่อ ๆ
ไป จนกระทั่งเสร็จงานวิจัย
งานที่มอบหมายให้ผู้เรียนทำประกอบด้วย 1)
การวิเคราะห์การรายงานข่าวเกี่ยวกับการสำรวจเรื่องราวต่างๆ ในหนังสือพิมพ์ ทักษะที่พัฒนาในงานชิ้นนี้ได้แก่ ทักษะการวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ โดยการเปรียบเทียบ
ระหว่างการวิจัยเชิงสำรวจที่มีระเบียบระบบ กับการสำรวจทั่วไปที่ใช้ในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับความรู้ เรื่องการสุ่มตัวอย่าง การสร้างข้อคำถาม ความเที่ยงตรง
และความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัด 2)
การวิเคราะห์รายงานการวิจัยในวารสารทางวิชาการที่ใช้เทคนิคการวิจัยเชิงสำรวจ ผู้เรียนจะพัฒนาความสามารถด้านการเขียนสมมติฐาน รู้จัก ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม วิธีการที่หลากหลายในการเก็บข้อมูล ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังพัฒนาทักษะการวิพากษ์งานวิจัย ได้พัฒนาความสามารถในการเขียนอ้างอิง การเขียนเกี่ยวกับงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3)เขียนเค้าโครงการวิจัย
งานชิ้นนี้ผู้เรียนจะได้ฝึกการเขียนสมมติฐานการสร้างนิยามสำหรับตัวแปร การประมวลเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมส่วนต่าง ๆ
เข้าด้วยกันให้กลมกลืน 4)
การเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์
ผู้เรียนได้ฝึกทักษะด้านการสุ่มตัวอย่าง
การสร้างข้อคำถามและการสัมภาษณ์ 5)
การสร้างรหัสสำหรับจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ พัฒนาทักษะด้านการจัดเตรียมตัวแปรและการจัดการกับข้อมูลกรณีที่ผู้ตอบบางคนไม่ใช้ข้อมูลที่ครบถ้วน 6)
การฝึกใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
พัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์
การใช้สถิติเชิงพรรณนา และการใช้สถิติเชิงอ้างอิงแบบต่าง ๆ การตรวจสอบข้อตกลงเบื้องต้น การสร้างแฟ้มข้อมูลที่จัดการกับข้อมูลรูปแบบที่ไม่เหมาะสมแล้ว 7)
การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลพัฒนาทักษะการสื่อสารโดยการพูด
การโต้ตอบกับผู้ฟังที่มีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของความสนใจ และความรู้ 8) การเขียนผลการวิจัย พัฒนาทักษะการเขียนเชิงวิชาการ
การมอบหมายงานแต่ละชิ้น
ต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษร (เฉพาะผู้เรียนมักลืมหลังจากออกจากห้องเรียน) โดยชี้แจงจุดประสงค์ของงานชิ้นนั้น ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ
และความเกี่ยวข้องกับงานชิ้นที่ผ่านมา
ระบุแหล่งค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อการทำงานให้เสร็จและมีคุณภาพ ตั้งคำถามที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดตามและหาข้อมูลเพิ่มเพื่อตอบคำถาม
และสุดท้ายคือ ระบุวัน เวลา ของการส่งงาน
รวมทั้งคะแนนของงาน
จะเห็นว่าการมอบหมายงานเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
เพราะผู้สอนเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งน่าจะหมายถึงวางแผนจัดหา อุปกรณ์
สร้างกิจกรรม ให้คำชี้นำ ที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ แต่ผู้สอนหลายคน
กลับถือโอกาสนี้ทำเพียงให้งานแล้วให้ผู้เรียนไปค้นหาทางและอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง
ซึ่งการเรียนรู้เรื่องที่ผู้เรียนยังไม่คุ้นเคย แต่ขาดคนชี้ทาง อาจทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้
หรือขาดกำลังใจในการเรียนได้
นักวิจัยควรได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ระดับปริญญาตรีเป็นต้นไป
สาขาวิชาที่มีความเข้มแข็งทางวิชาการมักมีเป้าหมายของการจัดการเรียนการสอน
คือ ให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในสาขาวิชาของตน ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขาวิชาการกล่าวว่า
เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ หลักสูตรต่าง ๆ ควรจัดการเรียนการสอน
ควรสร้างประสบการณ์เชิงรุกแก่ผู้เรียนมากกว่าให้เป็นผู้รับความรู้อย่างเดียว ควรสร้างประสบการณ์ให้เกิดการตั้งคำถามและหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามนั้น
ๆ ควรจัดกิจกรรมที่ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน
และควรสร้างประสบการณ์ให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับการประยุกต์ความรู้ในสาขากับนโยบายของประเทศ การสอนโดยใช้งานวิจัยเป็นบริบท นับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในสาขาวิชาของตนได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น